Category: Uncategorized

  • เปิดตัวแล้ว! “FlashBot Arm” หุ่นยนต์ AI แขนกล 7 แกนอิสระจากจีน พร้อมบุกตลาดโรงแรม-ร้านอาหาร

    เปิดตัวแล้ว! “FlashBot Arm” หุ่นยนต์ AI แขนกล 7 แกนอิสระจากจีน พร้อมบุกตลาดโรงแรม-ร้านอาหาร

    Pudu Robotics บริษัทด้านหุ่นยนต์จากประเทศจีน ประกาศเปิดตัวหุ่นยนต์บริการกึ่งมนุษย์รุ่นใหม่ล่าสุด “FlashBot Arm” อย่างเป็นทางการ โดยหุ่นยนต์รุ่นนี้ถูกพัฒนาโดยทีมวิจวิจัยเฉพาะทาง “Pudu X-Lab” มุ่งเจาะตลาดธุรกิจบริการในโรงแรม อาคารสำนักงาน ร้านอาหาร ร้านค้าปลีก และสถานพยาบาล

    FlashBot Arm โดดเด่นด้วยแขนกลหุ่นยนต์ 2 ข้าง ที่มีความคล่องตัวสูง สามารถเคลื่อนไหวได้ 7 องศาอิสระ พร้อมด้วยมือกลรุ่น PUDU DH11 ที่มีความละเอียดในการหยิบจับวัตถุขนาดเล็กหรือกดปุ่มต่างๆ ได้แม่นยำ และมีรัศมีการทำงานสูงสุดถึง 2 เมตร ทำให้สามารถดำเนินงานที่ซับซ้อน เช่น การเปิดประตู การกดปุ่มลิฟต์ และขนส่งสิ่งของต่างๆ ได้โดยไม่ต้องปรับปรุงสถานที่เพิ่มเติม

    จุดเด่นอื่นๆ ของ FlashBot Arm ได้แก่ ระบบนำทางที่ใช้เทคโนโลยี VSLAM และ Laser SLAM ช่วยในการสร้างแผนที่ 3 มิติ และหลบหลีกสิ่งกีดขวางแบบเรียลไทม์ พร้อมช่องจัดเก็บสิ่งของที่ปลอดภัย มาพร้อมระบบปฏิสัมพันธ์ด้วยเสียง ท่าทาง และการแสดงสีหน้าที่เป็นธรรมชาติ โดยใช้เทคโนโลยี AI ขับเคลื่อนด้วย Large Language Model เพื่อสื่อสารกับผู้ใช้งานได้เสมือนมนุษย์จริงๆ

    Pudu Robotics ก่อตั้งในปี 2559 มีสำนักงานใหญ่ที่ประเทศจีน มีสิทธิบัตรมากกว่า 1,000 ฉบับ และส่งมอบหุ่นยนต์ไปแล้วกว่า 90,000 ตัวทั่วโลกในกว่า 60 ประเทศ รวมถึงไทยในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารหลายแห่ง

    ทั้งนี้ บริษัทไม่ได้เปิดเผยราคาอย่างเป็นทางการของ FlashBot Arm ในขณะนี้ แต่คาดว่าจะมีการประกาศราคาและรายละเอียดเพิ่มเติมเร็วๆ นี้ ซึ่งถือเป็นประเด็นที่น่าจับตามองว่าราคาจะเข้าถึงได้สำหรับธุรกิจไทยหรือไม่ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ Pudu Robotics และช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ของบริษัท

    ที่มา: Pudu Robotics

  • Runway เปิดตัว Gen-4 AI รุ่นล่าสุด เน้นสร้างวิดีโอและภาพต่อเนื่องสมจริง

    Runway เปิดตัว Gen-4 AI รุ่นล่าสุด เน้นสร้างวิดีโอและภาพต่อเนื่องสมจริง

    บริษัท Runway AI เปิดตัว Gen-4 โมเดลปัญญาประดิษฐ์รุ่นใหม่ล่าสุด โดยผู้ร่วมก่อตั้ง Chris และ Jamie ระบุว่า Gen-4 ถูกพัฒนาให้มีศักยภาพสูงที่สุดของบริษัท มุ่งเน้นการสร้างภาพและวิดีโอที่มีความต่อเนื่อง (Consistency) ทั้งตัวละคร วัตถุ สถานที่ และสภาพแวดล้อมต่างๆ ซึ่งถือเป็นโมเดลแรกของ Runway ที่สามารถรักษาความสมจริงของโลกที่สร้างขึ้นได้อย่างต่อเนื่องและแม่นยำ

    การพัฒนา Gen-4 ใช้เวลาหลายเดือน โดยจุดเด่นสำคัญอยู่ที่ความสามารถในการนำภาพต้นแบบเพียงภาพเดียวไปสร้างเนื้อหาที่หลากหลายสถานการณ์ ทั้งวัตถุจากโลกจริงหรือภาพจำลอง ตัวอย่างเช่น การนำภาพของเล่นไม้ไปสร้างวิดีโอที่มีการเคลื่อนไหวในฉากเมืองนิวยอร์ก หรือภูมิประเทศอื่นๆ ตามที่ผู้ใช้งานต้องการ

    นอกจากนี้ Runway ยังนำเสนอผลงานภาพยนตร์สั้นและมิวสิกวิดีโอที่สร้างจาก Gen-4 โดยตรง เช่น ภาพยนตร์สั้นเรื่อง “The Lonely Little Flame” ที่ผู้กำกับมีแนวคิดมานานกว่า 10 ปี แต่เพิ่งสามารถถ่ายทอดได้ด้วย Gen-4 และผลงานเชิงทดลองอย่าง “New York is a Zoo” ที่แสดงศักยภาพด้านวิชวลเอฟเฟกต์ โดยมีการสาธิต จากการถ่ายรูปภาพสัตว์ต่างๆ และนำเข้าไปประมวลผลก็ได้วีดีโอสัตว์ต่างๆ เคลื่อนไหวอยู่ในเมืองนิวยอร์ก ในมุมมองที่ไม่น่าเป็นไปได้มาก่อน

    สำหรับค่าบริการเบื้องต้น Runway มีแผนต่างๆ ได้แก่ แบบฟรี (Basic) พร้อมเครดิตสร้างวิดีโอสั้นๆ, แบบ Standard ประมาณ 420 บาทต่อเดือน, แบบ Pro ประมาณ 980 บาทต่อเดือน และแบบ Unlimited ประมาณ 2,660 บาทต่อเดือน

    อย่างไรก็ตาม Runway ยังไม่ได้ระบุแผนการรองรับวิดีโอที่มีความละเอียดสูงกว่า 720p หรือการขยายระยะเวลาของวิดีโอที่สร้างด้วย Gen-4 ในอนาคต ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องรอการยืนยันต่อไป

    ที่มา: Runway

  • iFixit ชำแหละหุ่นยนต์ Unitree Go2 เผยโครงสร้างสุดล้ำในราคาจับต้องได้

    iFixit ชำแหละหุ่นยนต์ Unitree Go2 เผยโครงสร้างสุดล้ำในราคาจับต้องได้

    เว็บไซต์ iFixit ซึ่งเป็นชุมชนออนไลน์ที่ให้คำแนะนำการซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และรณรงค์ด้านการลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ก่อตั้งโดย Kyle Wiens และ Luke Soules ได้เผยแพร่วิดีโอชำแหละ Unitree Go2 หุ่นยนต์สี่ขาราคาประหยัดจากบริษัท Unitree Robotics ซึ่งก่อตั้งโดยหวัง ซิงซิง ในปี 2016

    Unitree Go2 มีราคาประมาณ 2,000 เหรียญสหรัฐ (ราว 70,000 บาท) ต่ำกว่าหุ่นยนต์ Spot ของ Boston Dynamics ถึง 50 เท่า จากการชำแหละโดย Marcel Stieber ผู้เชี่ยวชาญด้านหุ่นยนต์ เผยให้เห็นโครงสร้างภายในที่ซับซ้อนและทันสมัยเกินราคาจำหน่าย โดยเฉพาะการใช้มอเตอร์ประสิทธิภาพสูงถึง 12 ตัว ควบคุมขา 4 ข้างได้อย่างอิสระ แต่ละขามีมุมการเคลื่อนไหวมากถึง 270 องศา พร้อมระบบเฟืองทดกำลังสูงที่ช่วยให้การเคลื่อนไหวมีความแม่นยำและแข็งแรง

    ส่วนประกอบที่น่าสนใจเพิ่มเติม ได้แก่ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ 18650 จำนวน 32 เซลล์ พร้อมระบบจัดการแบตเตอรี่ (BMS) อัจฉริยะที่มีการเชื่อมต่อและตรวจสอบสถานะการใช้งานอย่างละเอียด, โมดูล LiDAR สำหรับการตรวจจับวัตถุและสภาพแวดล้อมรอบตัวที่สามารถหมุนได้ 360 องศา ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการนำทางของหุ่นยนต์, และบอร์ดประมวลผลกลางที่คาดว่าใช้เทคโนโลยีคล้ายกับ NVIDIA Jetson ที่รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi และ GNSS (Global Navigation Satellite System) เพื่อความแม่นยำในการระบุตำแหน่ง

    จุดเด่นสำคัญคือระบบโมดูลาร์ (Modular) ที่ทำให้สามารถซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่บางส่วนได้ง่าย เช่น ขาและแบตเตอรี่ที่ออกแบบมาให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถถอดเปลี่ยนได้สะดวก อย่างไรก็ตาม จุดที่ต้องระวังคือส่วนหัวและเซ็นเซอร์ LiDAR ที่มีโอกาสได้รับความเสียหายง่ายจากการใช้งานหนัก โดยเฉพาะเมื่อเกิดการล้มหรือกระแทก

    ทีม iFixit ได้ติดต่อ Unitree Robotics เพื่อสอบถามการจัดจำหน่ายอะไหล่สำหรับการซ่อมเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ยังรอการยืนยันจากบริษัท และจะมีการอัปเดตข้อมูลทันทีเมื่อได้รับคำตอบ

    แหล่งที่มา: iFixit, Unitree Robotics

  • Figure AI เผยความสำเร็จ! หุ่นยนต์เดินเหมือนมนุษย์ด้วยเทคนิค RL

    Figure AI เผยความสำเร็จ! หุ่นยนต์เดินเหมือนมนุษย์ด้วยเทคนิค RL

    Figure AI สตาร์ทอัพด้านหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทชั้นนำอย่าง Microsoft, Nvidia และ Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon เผยความก้าวหน้าสำคัญในการพัฒนาหุ่นยนต์ Figure 02 ด้วยเทคโนโลยี Reinforcement Learning (RL) หรือการเรียนรู้แบบเสริมกำลัง โดยล่าสุดได้เผยแพร่คลิปวิดีโอที่แสดงการเดินของหุ่นยนต์ซึ่งมีความเป็นธรรมชาติและใกล้เคียงมนุษย์มากขึ้น

    บริษัทได้เปิดเผยการฝึกฝนหุ่นยนต์ในระบบจำลองทางฟิสิกส์ที่มีความละเอียดสูงด้วย GPU ทำให้สามารถจำลองการฝึกได้ในระยะเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่เทียบเท่ากับประสบการณ์การเรียนรู้หลายปี โดยใช้หุ่นยนต์ Figure 02 หลายพันตัวในสถานการณ์และสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย เพื่อให้หุ่นยนต์มีความสามารถปรับตัวในโลกแห่งความเป็นจริงได้ทันทีโดยไม่ต้องฝึกเพิ่มเติม (Zero-shot Transfer)

    ระบบ RL ช่วยให้หุ่นยนต์ Figure 02 สามารถเดินได้อย่างเป็นธรรมชาติ มีท่าทางการเดินที่ใกล้เคียงกับมนุษย์ เช่น การลงส้นเท้า การยกปลายเท้า และการแกว่งแขนไปพร้อมกับขา โดยบริษัทได้เพิ่มปัจจัยด้านประสิทธิภาพ ความเร็ว การใช้พลังงาน และความทนทานต่อการถูกรบกวนจากภายนอกเข้าไปในการฝึกด้วย

    ล่าสุด Figure AI ได้เปิดโรงงานผลิตหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ชื่อว่า BotQ เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของตลาด และได้เตรียมรับเงินลงทุนเพิ่มเติมอีก 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 54,000 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีมูลค่าตลาดสูงถึง 39,500 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.42 ล้านล้านบาท (ที่มา: techfundingnews.com)

    อย่างไรก็ตาม มีประเด็นที่ยังต้องติดตามเพิ่มเติม คือ หลังจากที่ Figure AI ยุติความร่วมมือกับ OpenAI เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2025 โดยระบุว่าบริษัทสามารถพัฒนาระบบ AI ของตนเองได้แล้วนั้น ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับระบบ AI ดังกล่าวอย่างชัดเจน รวมถึงยังต้องรอดูประสิทธิภาพการใช้งานจริงของหุ่นยนต์ในสถานการณ์ที่ซับซ้อนกว่านี้ในอนาคต (ที่มา: decrypt.co)

    ที่มา – figure.ai

  • จากทะเลทรายสู่ความหวัง! ผู้ลี้ภัย 1 ล้านคนเปลี่ยนทรายเป็นแปลงเกษตร ด้วยเทคนิค Half Moon

    จากทะเลทรายสู่ความหวัง! ผู้ลี้ภัย 1 ล้านคนเปลี่ยนทรายเป็นแปลงเกษตร ด้วยเทคนิค Half Moon

    คลิปวิดีโอจากช่อง Andrew Millison รายงานว่า เมื่อสองปีก่อน ผู้ลี้ภัยสงครามกว่า 1 ล้านคน หนีการสู้รบจากประเทศซูดานเข้าสู่ทะเลทรายซาฮาราทางตอนเหนือของชาด แต่วันนี้พวกเขากำลังเปลี่ยนพื้นที่แห้งแล้งให้เป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ ด้วยโครงการฟื้นฟูดินจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลชาดและโครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติ (WFP)

    รัฐบาลชาดมอบที่ดินกว่า 625,000 ไร่ (100,000 เฮกตาร์) ให้ผู้ลี้ภัยเหล่านี้พัฒนาด้วยเทคนิคเก็บน้ำฝนที่เรียกว่า “Half Moon” เพื่อเปลี่ยนทะเลทรายให้กลายเป็นพื้นที่การเกษตร ปัจจุบันมีพื้นที่ทดลองประมาณ 625 ไร่ (100 เฮกตาร์) ที่สามารถผลิตพืชอาหารหลักอย่างข้าวฟ่างได้ทันที โดยไม่ต้องพึ่งปุ๋ยเคมีหรือยาฆ่าแมลง ช่วยให้พวกเขาปลูกพืชต่อไปได้แม้ในฤดูแล้ง

    โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายใหญ่ของชาดที่จะฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมกว่า 25 ล้านไร่ (4 ล้านเฮกตาร์) ภายในปี 2030 และยังสอดคล้องกับโครงการระดับทวีปแอฟริกา “กำแพงเขียว Great Green Wall” ซึ่งมีเป้าหมายหยุดการขยายตัวของทะเลทรายซาฮารา

    ปัจจุบัน มีผู้ลี้ภัยในชาดกว่า 1 ล้านคน ซึ่งรวมถึงผู้ลี้ภัยใหม่จากความขัดแย้งในซูดานกว่า 600,000 คน และกลุ่มเดิมจากสงครามดาร์ฟูร์ปี 2004 อีกประมาณ 400,000 คน โครงการนี้ไม่เพียงช่วยฟื้นฟูสภาพแวดล้อม แต่ยังลดความเสี่ยงด้านความขัดแย้งในพื้นที่อีกด้วย

    ติดตามเพิ่มเติมว่าโมเดลนี้จะสามารถแก้ไขวิกฤตผู้ลี้ภัยทั่วโลกที่มีมากกว่า 43 ล้านคนได้หรือไม่ และจะช่วยเปลี่ยนอนาคตของแอฟริกาและโลกอย่างไรต่อไป

    Andrew Millison เป็นผู้เชี่ยวชาญและนักสอนด้านเพอร์มาคัลเจอร์ โดยผลิตสื่อร่วมกับ Oregon State University คลิปนี้เป็นเพียงตอนที่ 2 จากซีรีส์ทั้งหมด สามารถติดตามเพิ่มเติมได้ในช่องของเขา

    ที่มา – Youtube  Andrew Millison

  • Bambu Lab เปิดตัวเครื่องพิมพ์ 3 มิติรุ่นใหม่ล่าสุด “Bambu Lab H2D”

    Bambu Lab เปิดตัวเครื่องพิมพ์ 3 มิติรุ่นใหม่ล่าสุด “Bambu Lab H2D”

    Bambu Lab เปิดตัวเครื่องพิมพ์ 3 มิติรุ่นใหม่ล่าสุด “Bambu Lab H2D” เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2568 โดยเป็นเครื่องแบบออลอินวันที่รวมฟังก์ชันการพิมพ์ 3 มิติ การแกะสลักและตัดด้วยเลเซอร์ รวมถึงการตัดดิจิทัลไว้ในเครื่องเดียว H2D มาพร้อมหัวพิมพ์คู่รุ่นใหม่ที่รองรับการพิมพ์หลายสีและวัสดุได้อย่างมีประสิทธิภาพ พื้นที่พิมพ์ขนาดใหญ่สูงสุดถึง 350x320x325 มม. ความเร็วในการพิมพ์สูงสุด 600 มม./วินาที และมีรุ่นที่มาพร้อมระบบเลเซอร์พลังงานสูง 10W และ 40W สำหรับงานแกะสลักและตัดวัสดุต่างๆ เช่น ไม้ พลาสติก และโลหะ อีกทั้งยังมีระบบจัดการเส้นใยใหม่ที่ช่วยรักษาคุณภาพวัสดุและลดปัญหาระหว่างการพิมพ์ ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 64,472 บาท (1,899 ดอลลาร์สหรัฐ)

    Bambu Lab ก่อตั้งในปี 2563 โดยทีมวิศวกรจาก DJI และประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวรุ่น X1 ในปี 2565 ที่ระดมทุนได้ถึง 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐบน Kickstarter และได้รับการยอมรับจาก Time Magazine ว่าเป็นหนึ่งในนวัตกรรมแห่งปี อย่างไรก็ตาม บริษัทเคยประสบปัญหาด้านความปลอดภัยจากการพึ่งพาระบบคลาวด์ในปี 2566 ซึ่งทางบริษัทได้ดำเนินการปรับปรุงระบบเพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้งานต่อไป [Wikipedia]

    ที่มา – bambulab.com/

  • Xiaomi เปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะรุ่นล่าสุด MIJIA Smart Audio Glasses 2

    Xiaomi เปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะรุ่นล่าสุด MIJIA Smart Audio Glasses 2

    Xiaomi เปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะรุ่นล่าสุด MIJIA Smart Audio Glasses 2 อย่างเป็นทางการ โดยชูจุดเด่นที่ดีไซน์บางเบา ขาแว่นบางสุดเพียง 5 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักรวมเพียง 27.6 กรัม เพื่อให้ผู้ใช้สวมใส่สบายตลอดวัน ตัวแว่นมีแบตเตอรี่ที่รองรับการใช้งานได้นานสูงสุด 12 ชั่วโมง พร้อมด้วยเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนจากภายนอก เพิ่มคุณภาพเสียงให้คมชัดยิ่งขึ้น รองรับการเชื่อมต่อกับสองอุปกรณ์พร้อมกันผ่าน Bluetooth ซึ่งเหมาะกับผู้ใช้ที่มีหลายอุปกรณ์ เช่น สมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป

    แว่นตา MIJIA Smart Audio Glasses 2 จะเริ่มเปิดระดมทุนตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2025 ในราคา 999 หยวน หรือประมาณ 5,000 บาท (อัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณ)

    เครดิตภาพและข่าว : ithome.com

  • โมเด็ม Apple C1 ใน iPhone 16e เร็วจริงหรือ? เทียบชัดทุกเครือข่าย โดย Ookla

    โมเด็ม Apple C1 ใน iPhone 16e เร็วจริงหรือ? เทียบชัดทุกเครือข่าย โดย Ookla

    Apple เปิดตัว iPhone 16e เป็นรุ่นแรกที่ใช้โมเด็ม C1 ซึ่ง Apple พัฒนาขึ้นเอง โดยเลิกใช้ชิปจาก Qualcomm จากข้อมูลของ Ookla ผู้ให้บริการทดสอบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงชื่อดัง ระบุว่าในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2025 ผู้ใช้ iPhone 16e ในเครือข่าย AT&T และ Verizon มีความเร็วเฉลี่ยในการดาวน์โหลดสูงกว่า iPhone 16 อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ T-Mobile กลับพบว่า iPhone 16 รุ่นก่อนหน้านี้ให้ความเร็วที่สูงกว่าอย่างชัดเจน

    ตัวเลขที่น่าสนใจคือ ความเร็วเฉลี่ยในการดาวน์โหลดของ iPhone 16e บนเครือข่าย T-Mobile อยู่ที่ 264.71 Mbps เทียบกับ iPhone 16 ซึ่งอยู่ที่ 357.47 Mbps โดย iPhone 16 รุ่นเดิมทำได้เร็วกว่า 24% แต่ในกลุ่มผู้ใช้งานที่มีความเร็วต่ำสุด (10% ล่างสุด) iPhone 16e กลับทำผลงานได้ดีกว่าในทุกเครือข่ายที่ทดสอบ

    นอกจากนี้ iPhone 16e ยังมีความเร็วในการอัปโหลดข้อมูลสูงกว่า iPhone 16 ในเครือข่าย AT&T และ Verizon โดยเฉพาะบนเครือข่าย AT&T ที่มีความเร็วอัปโหลดเฉลี่ย 14.63 Mbps สูงกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 38%

    Ookla ยังระบุด้วยว่า ความแตกต่างของประสิทธิภาพระหว่างสองรุ่นนี้ อาจเกิดจากข้อจำกัดของโมเด็ม C1 ซึ่งรองรับการรวมคลื่นความถี่ (carrier aggregation) สูงสุดที่ 3 คลื่นความถี่ เทียบกับโมเด็ม Qualcomm ในรุ่นก่อนหน้าที่รองรับได้ถึง 6 คลื่น

    อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อสงสัยสำคัญที่ยังไม่ได้รับการยืนยันคือ ประสิทธิภาพระยะยาวของโมเด็ม C1 จะเป็นอย่างไรเมื่อมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นทั่วโลก และ Apple จะพัฒนาความสามารถของ C1 ให้เทียบเท่ากับ Qualcomm ได้หรือไม่ จึงเป็นประเด็นที่น่าติดตามอย่างต่อเนข้า

    ที่มา: Ookla Research

  • ช้าหน่อยแต่ชัวร์ Claude AI เปิดตัวฟีเจอร์ค้นเว็บแล้ว

    ช้าหน่อยแต่ชัวร์ Claude AI เปิดตัวฟีเจอร์ค้นเว็บแล้ว

    Claude 3.7 Sonet โมเดล AI จากบริษัท Anthropic เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด สามารถค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตได้แบบเรียลไทม์แล้ว โดยขณะนี้เปิดให้ทดลองใช้เฉพาะผู้ใช้ที่เสียค่าบริการในสหรัฐฯ และจะขยายการเข้าถึงในวงกว้างเร็วๆ นี้ แม้ว่าจะถือเป็นการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่ช้าที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ให้บริการรายอื่นๆ เช่น ChatGPT, Google Gemini หรือแม้กระทั่ง DeepSeek ที่กำลังเป็นกระแสก่อนหน้านี้

    ฟีเจอร์นี้เพิ่มความแม่นยำให้กับคำตอบที่เกี่ยวข้องกับการเงิน การวางแผนธุรกิจ และการวิจัยต่างๆ โดย Claude มักนิยมใช้ในงานเขียน การช่วยเขียนโค้ด และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกที่ซับซ้อน

    อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันว่า Claude จะเปิดให้ใช้งานฟีเจอร์ค้นหาข้อมูลทางเว็บในไทยเมื่อใด และจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากแพ็กเกจปกติที่เริ่มต้นประมาณ 730 บาทต่อเดือน (20 ดอลลาร์สหรัฐฯ) หรือไม่ ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้ใช้ในไทยยังต้องติดตามต่อไป

    ที่มา – anthropic.com

  • Unitree  G1 หุ่นยนต์ตัวแรกของโลกที่ตีลังกาตะแคงข้างได้

    Unitree G1 หุ่นยนต์ตัวแรกของโลกที่ตีลังกาตะแคงข้างได้

    บริษัท Unitree Robotics จากประเทศจีน ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญล่าสุด ด้วยการเปิดตัวหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์รุ่น Unitree G1 ที่สามารถกระโดดตีลังกาด้านข้าง (Side-Flipping) ได้เป็นตัวแรกของโลก โดยก่อนหน้านี้ Unitree H1 รุ่นที่มีความสูง 1.8 เมตร เคยโชว์ความสามารถในการกระโดดตีลังกากลับหลัง (Backflip) ไปเมื่อเดือนมีนาคม 2024

    ล่าสุด Unitree Robotics เผยแพร่คลิปวิดีโอแสดงความสามารถใหม่ของ G1 ซึ่งสูง 1.32 เมตร ที่สามารถทำ Side-Flipping ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยระบุว่าการทดสอบและถ่ายทำไม่มีข้อผิดพลาดหรือความเสียหายเกิดขึ้นเลย

    ก่อนหน้านี้บริษัทได้รับความสนใจอย่างมากจากคลิปวิดีโอ “หุ่นยนต์กังฟู 720° Spin Kick” ซึ่งแสดงให้เห็นศักยภาพด้านการเคลื่อนไหวที่คล่องตัวและแม่นยำของหุ่นยนต์จาก Unitree

    นอกจากนี้ Unitree Robotics ยังวางขาย G1 ในราคาประมาณ 16,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 570,000 บาท โดยเน้นการใช้งานสำหรับภาคธุรกิจและงานบ้านเป็นหลัก

    อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อมูลสำคอญบางส่วนที่ยังไม่ชัดเจน เช่น อายุการใช้งานแบตเตอรี่ และวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในตลาดทั่วโลก

    ที่มา – unitree